ประวัติของ อบต. ข้อมูลทั่วไป
นโยบายนายก
โครงสร้าง อบต.
วิสัยทัศน์ และอำนาจหน้าที่
รายนามคณะผู้บริหาร
รายชื่อสมาชิกสภา อบต.
อัตรากำลังของ อบต.
สำนักปลัด
กองคลัง
กองช่าง
กองการศึกษา, ศาสนาและวัฒนธรรม
กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
แผนยุทธศาสตร์หรือแผนพัฒนาหน่วยงาน
สถิติรายได้
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
วัด
แผนการขับเคลื่อนหน่วยงาน
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การปฏิสัมพันธ์ข้อมูล
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
การดำเนินงาน
แผนยุทธศาสตร์หรือแผนพัฒนาหน่วยงาน
รายงานการกำกับติดตามการดำเนินงานและการใช้งบประมาณประจำปีรอบ 6 เดือน
รายงานผลการดำเนินงานประจำปี
การปฏิบัติงาน
คู่มือหรือมาตรฐานการปฏิบัติงาน
การให้บริการ
คู่มือหรือมาตรฐานการให้บริการ
รายงานผลการสำรวจความพึงพอใจการให้บริการ
ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลดอยหล่อ
ข้อบัญญัติ
รายงานการกำกับติดตามการใช้จ่ายงบประมาณรอบ 6 เดือน
รายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี
การจัดซื้อจัดจ้างหรือการจัดหาพัสดุ
แผนการจัดซื้อจัดจ้างหรือแผนการจัดหาพัสดุ
ประกาศต่างๆ เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างหรือการจัดหาพัสดุ
สรุปผลการจัดซื้อจัดจ้างหรือการจัดหาพัสดุรายเดือน
รายงานผลการจัดซื้อจัดจ้างหรือการจัดหาพัสดุประจำปี
การจัดการเรื่องร้องเรียนการทุจริตและประพฤติมิชอบ
แนวปฏิบัติการจัดการเรื่องร้องเรียนการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ช่องทางแจ้งเรื่องร้องเรียนการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ข้อมูลเชิงสถิติเรื่องร้องเรียนการทุจริตและประพฤติมิชอบประจำปี
การเปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วม
ช่องทางรับฟังความคิดเห็น
การเปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วม
มาตรการเสริมสร้างมาตรฐานทางจริยธรรม
ประมวลจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ
การขับเคลื่อนจริยธรรม
การประเมินจริยธรรมเจ้าหน้าที่ของรัฐ
เจตจำนงสุจริตของผู้บริหาร
เจตจำนงสุจริตของผู้บริหาร
การมีส่วนร่วมของผู้บริหาร
นโยบาย No Gift Policy
ประกาศเจตนารมณ์นโยบาย No Gift Policy จากการปฏิบัติหน้าที่
การสร้างวัฒนธรรม No Gift Policy
รายงานผลตามนโยบาย No Gift Policy
การประเมินความเสี่ยงการทุจริตและประพฤติมิชอบประจำปี
การดำเนินการเพื่อจัดการความเสี่ยงการทุจริตและประพฤติมิชอบ
แผนป้องกันการทุจริต
แผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริต
รายงานการกำกับติดตามการดำเนินงานป้องกันการทุจริตประจำปี รอบ 6 เดือน
รายงานผลการดำเนินการป้องกันการทุจริตประจำปี
รายงานผลการสำรวจความพึงพอใจการให้บริการ
การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล
นโยบายหรือแผนการบริหารทรัพยากรบุคคล
การดำเนินการตามนโยบายหรือแผนการบริหารทรัพยากรบุคคล
หลักเกณฑ์การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล
รายงานผลการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลประจำปี
การประเมินความเสี่ยงเพื่อการป้องกันการทุจริต
การประเมินความเสี่ยงการทุจริตและประพฤติมิชอบประจำปี
การดำเนินการเพื่อจัดการความเสี่ยงการทุจริตและประพฤติมิชอบ
มาตรการส่งเสริมความโปร่งใสและป้องกันการทุจริตภายในหน่วยงาน
มาตรการส่งเสริมคุณธรรมและความโปร่งใสภายในหน่วยงาน
การดำเนินการตามมาตรการส่งเสริมคุณธรรมและความโปร่งใสภายในหน่วยงาน
งานภาษี
ข้อมูลสนามกีฬาในตำบลดอยหล่อ
ข้อมูลศาสนา วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น
นายก อบต. คุยกับประชาชน
ที่อยู่ติดต่อ
แผนที่ของ อบต.ดอยหล่อ
 
 

 

   
 

 ประชาสัมพันธ์ศูนย์การเรียนรู้เพื่อชุมชน วัดม่อนห้วยแก้ว <15/02/50>

ศูนย์การเรียนรู้เพื่อชุมชนได้ตั้งอยู่ ณ วัดม่อนห้วยแก้ว (วัดรัตนาราม) หมู่ที่ 25 ตำบลดอยหล่อ กิ่งอำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ก่อตั้งเพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้ของคนในชุมชน เกี่ยวกับศิลปะ วัฒนธรรม ภูมิปัญญา ท้องถิ่น







 


 ประชาสัมพันธ์การจัดการแข่งขันกีฬากิ่งอำเภอดอยหล่อ ครั้งที่ 9 ประจำปี พ.ศ.2550 <12/02/50>


องค์การบริหารส่วนนตำบลดอยหล่อ ขอเชิญทุกท่านร่วมชมร่วมเชียร์กีฬากิ่งอำเภอดอยหล่อ ครั้งที่ 9 ประจำปี 2550 ครั้งที่ 2/2550 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 25 ก.พ. 2550 ณ สนามกีฬาโรงเรียนบ้านสามหลัง องค์กรที่เข้าร่วมการแข่งขัน ประกอบด้วย
1. องค์การบริหารส่วนตำบลดอยหล่อ
2.องค์การบริหารส่วนตำบลสองแคว
3.องค์การบริหารส่วนตำบลสันติสุข
4.องค์การบริหารส่วนตำบลยางคราม



 


 ขอความร่วมมือประชาสัมพันธ์เพื่อเฝ้าระมัดระวังการเฝ้าระวังการเกิดอัคคีภัย <09/02/50>

ทางสำนักงานปลัด งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอความร่วมมือประชาสัมพันธ์เพื่อเฝ้าระมัดระวังการเฝ้าระวังการเกิดอัคคีภัย เนื่องด้วยในช่วงระยะเดือนมกราคม-พฤษภาคม ของทุกปี เป็นช่วงที่อากาศแห้งแล้งและมักจะเกิดปัญหาอัคคีภัยขึ้นภายในพื้นที่ตำบลดอยหล่อเป็นประจำ ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการที่เกษตรกรทำการเผาฟางข้าว หญ้าและวัชพืชในที่ดินของราษฎร ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจทำให้เกิดไฟไหม้ลุกลามทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของราษฎรได้ ดังนั้น องค์การบริหารส่วนตำบลดอยหล่อจึงขอความอนุเคราะห์ประชาสัมพันธ์ราษฎรคอยตรวจสอบและระมัดระวังการจุดไฟเผาทำลายฟางข้าว หญ้าและวัชพืชเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว หากเกิดเหตุสาธารณภัยขอให้แจ้งงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนตำบลดอยหล่อ หมายเลขโทรศัพท์ 0-5336-049 ต่อ 17 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง



 


 เชิญชวนร่วมกันซื้อดอกดอกป๊อปปี้" ในวันทหารผ่านศึก <06/02/50>

หลังจาก สงครามโลกครั้งที่ 2 หรือหลัง สงครามมหาเอเซียบูรพา สิ้นสุดลง มีทหารไทยจำนวนมากที่ถูกปลดประจำการจากการเป็นทหาร จึงได้มีเสียงเรียกร้องขอให้ทางการให้ความช่วยเหลือ ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2490 กระทรวงกลาโหมอันเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านนี้โดยตรง จึงได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ทหารที่กลับจากการรบ และช่วยเหลือครอบครัวทหารที่เสียชีวิตในการรบ แต่ก็ยังเป็นหน่วยงานที่ไม่เป็นทางการ ต่อมากระทรวงกลาโหมได้เสนอ พ.ร.บ.จัดตั้งองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ขึ้น โดยได้ผ่านการเห็นชอบจากรัฐบาล และได้มีการประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 จึงได้ยึดเอา วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็น “วันทหารผ่านศึก”

โดยมีการจัดงานเฉลิมฉลองเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารผู้เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยและอธิปไตยของชาติ และมี “ดอกป๊อปปี้” เป็นสัญลักษณ์แทน “ทหารผ่านศึก” ผู้พิทักษ์รักษาประเทศชาติให้มีเอกราชอธิปไตย โดยสีแดงของดอกป๊อปปี้ คือ เลือดของทหารหาญที่ได้หลั่งชโลมแผ่นดินไว้ด้วยความกล้าหาญ เสียสละอันสูงสุด


วันนี้ของทุกปี องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และครอบครัวทหารผ่านศึก ทหารนอกประจำการ และผู้ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงของชาติ จะร่วมกันจัดพิธีวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อเป็นการแสดงความคารวะต่อดวงวิญญาณของเหล่านักรบผู้กล้า และยังมีพิธีสวนสนามที่ลานอเนกประสงค์ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ด้วย.

ทางองค์การบริหารส่วนตำบลดอยหล่อขอสนับสนุนการซื้อดอกป๊อปปี้" เนื่องจากเป็นดอกไม้ที่สื่อความหมายถึง ทหารผ่านศึกผู้พลีเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องมาตุภูมิอันเป็นที่รัก จึงขอเชิญชวนผุ้ที่สนใจซื้อดอกป๊อปปี้เพื่อช่วยเหลือทหารผ่านศึก



 


 ประชาสัมพันธ์ปิดพืชสวนโลก 2 เดือนปรับปรุงใหม่ เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ทางการเกษตรเกี่ยวกับพืช <24/01/50>



นายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า หลังจากพิธีปิดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ในวันที่ 31 มกราคมแล้ว กระทรวงก็จะปิดพื้นที่ทั้งหมดทันทีในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เพื่อรื้ออาคารชั่วคราว เต็นท์นิทรรศการต่างๆ ส่งคืนเจ้าของ พร้อมตกแต่งปรับปรุงสวนต่างประเทศให้สามารถดูแลได้ง่ายในอนาคต โดยไม่มีการรื้อถอน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน

จากนั้นก็จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเที่ยวชมได้ตามปกติ โดยจะเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ทางการเกษตรเกี่ยวกับพืชชนิดต่างๆ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และจะประชุมเรื่องราคาตั๋วหลังจากปรับปรุงสวนเรียบร้อยแล้ว ส่วนหน่วยงานที่จะรับผิดชอบดูแลในอนาคตนั้นจะตั้งมูลนิธิขึ้นมาบริหารงานในรูปของหน่วยงานรัฐ ที่จะเป็นผู้นำงบประมาณจากเงินที่ได้จากการจัดงานมาดำเนินการ

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวอีกว่า หลังจากเปิดให้เข้าชมงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 จนถึงขณะนี้ ซึ่งเหลือเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ที่จะปิดงาน มีนักท่องเที่ยวเข้าชมงานเกินเป้าหมาย ซึ่งตั้งเป้าไว้ที่ 2 ล้านคน คาดว่าเมื่อปิดงานแล้วตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าชมงานทั้งสิ้น 3.5 ล้านคน ส่วนรายได้จากการจำหน่ายตั๋ว จากที่ตั้งไว้ที่ 120 ล้านบาท ก็สามารถจำหน่ายได้กว่า 200 ล้านบาท




 


 ขอความร่วมมือประชาชนชำระภาษีประจำปี 2550 <09/01/50>

กำหนดการยื่นชำระภาษีประจำปี 2550

องค์การบริหารส่วนตำบลดอยหล่อขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ตำบลดอยหล่อและที่มีหน้าที่ชำระภาษี เข้าชำระภาษีประจำปี 2550 ณ ส่วนการคลัง (เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้) องค์การบริหารส่วนตำบลดอยหล่อ ในวันและเวลาราชการ (ตั้งแต่ 08.30-16.30 น.)

โดยมีกำหนดการยื่นชำระภาษี ดังนี้
1. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน กำหนดยื่นตั้งแต่ 1 มกราคม - สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี
2. ภาษีป้าย กำหนดยื่นตั้งแต่ 1 มกราคม - สิ้นเดือนมีนาคม ของทุกปี
3. ภาษีบำรุงท้องที่ กำหนดยื่นตั้งแต่ 1 มกราคม - สิ้นเดือนเมษายน ของทุกปี




 


 เชิญชวนร่วมงานวันเด็ก <08/01/50>

องค์การบริหารส่วนตำบลดอยหล่อร่วมกับสำนักงานพัฒนาภาค 3 นทพ.ได้จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อให้เด็กและเยาวชนในตำบลดอยหล่อได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน-ตลอดจนฝึกความกล้าแสดงออก-ในการร่วมกิจกรรมต่อสาธารณะชน และเพื่อให้บริษัท หน่วยงาน ห้างร้านต่างๆ ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุน -ส่งเสริม - ตลอดจนให้ความสำคัญกับเด็กเยาวชนที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตซึ่งในวันเด็กแห่งชาติประจำปีพ.ศ.2549นี้ อบต.ดอยหล่อได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 60,000 บาท(หกหมื่นบาท)ในการจัดกิจกรรมดังกล่าว โดยในปีนี้ได้กำหนดจัดงานวันเด็ก -- ในวันศุกร์ที่ 12 มกราคม ณ สำนักงานพัฒนาภาคที่ 3 นทพ.----- โดยเริ่มกิจกรรมตั้งแต่เวลา-- 07.30 น. –14.00 น.-- ในส่วนของกิจกรรมที่จัดให้เด็กและเยาวชนได้เข้าร่วม ประกอบด้วย
การแสดงความสามารถบนเวทีของนักเรียนในระดับชั้นต่างๆ จากโรงเรียนในเขตพื้นที่ตำบลดอยหล่อ ซึ่งอบต.ดอยหล่อได้จัดหาของขวัญไว้ให้เด็กทุกคนที่มาร่วมงานดังกล่าว รวมทั้งจะได้รับของแจก อุปกรณ์การเรียน เครื่องเขียน ขนม ด้วยค่ะ




 


 การประกาศสละราชบัลลังก์ของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก <18/12/49>

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวานนี้ (17 ธ.ค.) ว่า การประกาศสละราชบัลลังก์ของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก ให้แก่เจ้าชายจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก วัย 26 พรรษา ก่อนกำหนดเดิมเมื่อวานนี้ (16 ธ.ค.) ทำให้ชาวภูฏานต่างรู้สึกเศร้าและเสียดายกษัตริย์ผู้ปกครองประเทศมานานกว่า 3 ทศวรรษ แต่อีกทางหนึ่งก็ดีใจที่ได้เจ้าชายจิกมี ซึ่งมีพระจริยาวัตรงดงาม และเป็นกันเองขึ้นมาเป็นผู้สืบทอด

สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก ขึ้นเป็นกษัตริย์ภูฏาน เมื่อปี 2515 ขณะมีพระชนมายุ 16 พรรษา โครงการในพระราชดำริที่โดดเด่นคือ การนำ “ดัชนีมวลรวมความสุขประชาชาติ” มาใช้ โดยมีจุดประสงค์เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น และสภาพแวดล้อมของประเทศ ทั้งยังเป็นผู้ริเริ่มนำระบอบประชาธิปไตยมามาใช้ในการปกครองประเทศ ซึ่งภูฏานจะจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ในปี 2551

ด้านชาวภูฏานที่ลี้ภัยอยู่ในประเทศเนปาล ได้ออกมาตั้งข้อกังขาถึงเบื้องหลังการสละราชสมบัติ ทั้งนี้ เมื่อราว 10 ปีก่อน สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก ได้เนรเทศชาวภูฏานเชื้อสายเนปาลหลายร้อยคน หลังออกมาร้องเรียนเรื่องการกดขี่และเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งกลุ่มผู้ลี้ภัยยืนกรานจะไม่เข้าร่วมพิจารณายกร่างรัฐธรรมนูญ และเรียกร้องขอสิทธิเดินทางกลับประเทศ และเข้าร่วมการเลือกตั้งในอีก 2 ปีข้างหน้า





 


 เสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง <07/12/49>



เสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง “ในหลวง” ทรงโบกพระหัตถ์-แย้มพระสรวลทักทายประชาชน


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโบกพระหัตถ์และแย้มพระสรวลให้แก่พสกนิกรชาวไทยที่เฝ้ารอส่งเสด็จฯ และเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องจากท้องสนามหลวงต่อเนื่องจนถึงพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน สร้างประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เผยประชาชนบางรายถึงขนาดกลั้นน้ำตาแห่งความปีติยินดีที่ได้เฝ้าส่งเสด็จฯ ไม่ได้

เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระบรมมหาราชวังผ่านทางประตูวิเศษชัยศรี โดยประทับรถยนต์พระที่นั่งกลับพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ซึ่งตลอดสองข้างทางเป็นไปด้วยพสกนิกรชาวไทยที่เฝ้ารอรับเสด็จอย่างเนื่องแน่น พร้อมทั้งเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องตลอดสองฝั่งของถนนราชดำเนิน รวมทั้งโบกธงตราสัญลักษณ์ครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และธงชาติไทยด้วย



ทรงแย้มพระสรวล โบกพระหัตถ์ให้ประชาชน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวล พร้อมโบกพระหัถต์ให้ประชาชนที่เฝ้าฯ รอส่งเสด็จ ซึ่งยังความปลาบปลื้มให้แก่ผู้ที่รอส่งเสด็จเป็นจำนวนมาก บางรายถึงขนาดกลั้นน้ำตาแห่งความยินดีเอาไว้ไม่ได้เลยทีเดียว

ขณะที่ท้องสนามหลวงในเวลาเดียวกัน คณะกรรมการมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ได้เริ่มแจกเทียนที่ผ่านพิธีปลุกเสกจากวัดชนะสงคราม จำนวนถึง 1.5 ล้านเล่ม ซึ่งจะมีพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรพร้อมกัน ในเวลา 19.29 โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีการถวายสัตย์ปฏิญาณร่วมกันของชาวไทยทุกหมู่เหล่า ซึ่งที่บริเวณท้องสนามหลวงมีการจัดเชิงเทียนขนาดใหญ่ประกอบด้วยเทียนหลายเล่มเตรียมจุดด้วย



ประชาชนนับล้าน ร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะประชาชนนับล้านคนร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรพ่อหลวงนั้นกินระยะเวลายาวนานจนกระทั่งเทียนไขเล่มเล็กถูกจุดจนหมดเล่ม พร้อมกับชูเทียนขึ้นเหนือศีรษะ และเปล่งเสียงพร้อมกันดังกึกก้องว่า “ทรงพระเจริญ” อย่างพร้อมเพรียงกัน

นายลพ อภิรักษ์ลิขิตกุล อายุ 61 ปี กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาจากบ้านแถวประชาอุทิศ โดยออกจากบ้านประมาณบ่าย 2 ซึ่งการจราจรติดขัดมากแต่ก็ตั้งใจมาจุดเทียนชัยซึ่งเป็นสิ่งที่กระทำมาทุกปี ซึ่งในช่วงทุ่มเศษซึ่งจะเป็นเวลาในการจุดเทียนนั้นก็ขออธิษฐานให้พระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนม์มายุยิ่งยืนนาน

ขณะที่ประชาชนที่มาเป็นครอบครัว อย่างครอบครัวศรีฐาน นางสุภีและนายกิตศพล ศรีฐานพร้อมลูกชาย น้องธนากรวัยขวบเศษเดินทางมาจากพรานนก โดยทั้งครอบครัวพร้อมใจสวมเสื้อเหลืองเดินทางมาจุดเทียนชัยถวายพระพรขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน สถิตเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวไทยทุกคน จากนั้นจึงจะอยู่รอดูความงดงามของพลุชุดต่างๆ

ส่วนนายเกตุ และนางอารีย์ อุ่นสิริยศ พร้อม ด.ช.สัจจรินทน์ หรือน้องหมู วัย 12 ปี จากบ้านย่านสวนมะลิ กล่าวว่า ตั้งแต่ที่มีการจัดงานที่ท้องสนามหลวงก็เดินทางมาร่วมพิธีโดยตลอด สมัยก่อนจะมีหนัง 200 จอ ฉายประชันร่วมเฉลิมฉลอง ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็นมหรสรพ แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยคือการที่ประชาชนมาร่วมเฉลิมฉลองวันเฉลิมฯกันอย่างเนื่องแน่น แม้จะมีการจัดงานหลายจุดทั้งสะพานพระราม 8 ลานพระบรมรูปทรงม้า แต่ประชาชนก็ยังแน่นขนัด และคิดว่าจากนี้ต่อไปจะมาเป็นประจำทุกๆ ปี

น้อยฝ้าย สวาคพรรณ วัย 19 นักศึกษามหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และน้องชาย ด.ช.นนธวัช หรือน้องเอิน วัย 13 ปี นักเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะ พร้อมคุณแม่ กล่าวว่า วันนี้ครอบครัวได้เดินทางมาร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร ส่วนเพื่อนๆ ที่เป็นเด็กต่างจังหวัดส่วนใหญ่.จะถวายพระพรพระเจ้าอยู่หัวโดยการลงนามถวายพระพรที่มหาวิทยาลัยจัดไว้ให้ เนื่องจากส่วนใหญ่จะกลับบ้านไปหาพ่อเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ



ตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล
สำหรับบรรยากาศการถวายพระพรในช่วงเช้าวันเดียวกันนั้น เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ท้องสนามหลวง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานนำประชาชนหลายพันคนตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 580 รูป ในงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 79 พรรษา 5 ธันวามหาราช ท่ามกลางการสวดสรภัญญะเฉลิมพระเกียรติโดยผู้แทนนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ โดยมีพระธรรมปัญญาบดี จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทั้งนี้ นายอภิรักษ์ ยังได้เป็นประธานถวายภัตตาหารเช้าแด่พระราชาคณะ 10 รูป

นางรจิต แก้วมีแสง อายุ 87 ปี ซึ่งเดินทางมาร่วมตักบาตรแต่เช้า กล่าวอย่างปลาบปลื้มว่าจนอายุ 87 ปีแล้ว เพิ่งได้มาร่วมตักบาตรเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา รู้สึกท่วมท้นล้นหัวใจ ได้มาทำบุญที่ท้องสนามหลวงในครั้งนี้ ได้ถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้พระองค์ทรงเจริญ



80 รวมใจภักดิ์รักในหลวง
หลังจากพิธีตักบาตรพระสงฆ์เสร็จสิ้นในเวลา 07.45 น. ประชาชนส่วนใหญ่ได้เดินทางไปที่สนามเสือป่าซึ่งมีการจัดงาน 80 รวมใจภักดิ์ รักพ่อของแผ่นดิน โดยกองทัพบกร่วมกับกรุงเทพมหานครจัดขึ้นเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช โดยทาง กทม.ได้จัดซุ้มลงนามถวายพระพรภายในสนามเสือป่าจำนวน 20 ซุ้ม และเปิดให้ลงนามตั้งแต่เวลา 06.00-07.00 น. ซึ่งมีประชาชนเข้าแถมรวมลงนามถวายพระพรอย่างต่อเนื่องทุกซุ้ม

นายสีเทา ดาราตลกอาวุโส อายุ 75 ปีได้เดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพรและร่วมเดินขบวนไปยังพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน กล่าวว่า ในวันที่ 5 ธันวา เป็นวันสำคัญของประชาชนชาวไทยและถือเป็นวันของพ่อหลวง ตนมาแสดงกตัญญูต่อพ่อหลวง เพราะหากไมมีพระองค์ก็ไม่มีสีเทาในวันนี้ สีเทาก็คงจะเป็นขี้เถ้าไปแล้ว เพราะเมื่อปี 2537 ตนป่วยด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก เข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล พระองค์โปรดให้องคมนตรีนำดอกไม้พระราชทานแก่ตน ทำให้ตนมีกำลังใจและรู้สึกว่าตนต้องมีชีวิตรอด ปัจจุบันตนหายเป็นปกติทั้งที่คนเป็นโรคนี้ไม่ตายก็เป็นอัมพาต ตนรู้สึกว่าชีวิตและร่างกายของตนเป็นของพ่อหลวง

ทั้งนี้ ในวโรกาส 5 ธันวามหาราช ประชาชนทุกคนควรแสดงความกตัญญูต่อพระองค์ด้วยการกระทำความดี สำหรับตนได้บริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ซึ่งเป็นการทำความดีทางหนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ตามซึ่งการเป็นพสกนิกรอยู่ในแผ่นดินของพระองค์มีความอบอุ่นเหมือนมีพ่อคอยดูแลอยู่ตลอดเวลาขอให้ทุกคนรวมตัวกันทำความดีถวายในหลวง

ด้านนางนิตยา สวรรค์นคร หนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมถวายพระพรกล่าวว่าตนเดินทางมาจากเพชรบูรณ์เพื่อมาร่วมพิธีโดยตรงและทุกครั้งที่มีพระราชพิธีที่เกี่ยวกับการเฉลิมฉลองแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯก็จะพยายามสะสางงานทั้งหมดแล้วเดินทางมาร่วมด้วยเสมอ ซึ่งการได้มาร่วมนั้นทำให้ได้เห็นพระองค์ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งของชีวิตหนึ่งเท่านี้ก็ถือว่าชีวิตได้เต็มอิ่มมากแล้ว ทั้งนี้ตนได้ตามเสด็จพระองค์ท่านตั้งแต่เมื่อครั้งที่ทรงเข้าประทับเพื่อรับถวายการผ่าตัดที่โรงพยาบาลศิริราชซึ่งเมื่อตอนนั้นได้เป็นบุญตามากเพราะนอกจากจะได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้วยัง มีโอกาสเห็นพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์อีกด้วย

“ทุกครั้งที่เดินทางเพื่อมาร่วมพิธี ไม่ได้รู้ว่าเป็นการลำบากแต่อย่างใด แต่กลับรู้สึกยินดีและเต็มใจที่จะทำเพราะทุกวันนี้ก็ถือว่าไม่มีภารกิจใดๆให้รับผิดชอบเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นจึงคิดว่าการได้ติดตามพระองค์และร่วมทำความดีถวายแด่พระองค์ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดๆก็จะถือเป็นการได้ตอบแทนบุญคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเช่นเดียวกับที่พระองค์ท่านได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายให้กับแผ่นดินไทย ชีวิตนี้เกิดมาก็ถือว่าคุ้มที่สุดแล้วที่ได้มีโอกาสได้เห็นและทำความดีเพื่อในหลวง ตอนนี้เราเห็นอะไรทำอะไรก็รื่นเริงไปหมดดีใจที่มีพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทุกอย่างเพื่อประชาชนของท่านอย่างแท้จริง””นางนิตยา กล่าว



เคลื่อนขบวนยาวเหยียดตลอดถนนพระราม 5
ในเวลา 08.00 น. ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ตั้งขบวนเต็มลานพระบรมรูปทรงม้าและเคารพธงชาติอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วยผู้สูงอายุ ผู้บริหารข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และประชาชนทุกหมู่เหล่าได้เคลื่อนขบวนไปยังบริเวณด้านประตูพระวรุณอยู่เจน พระตำหนักจิตรลดารโหฐานและตลอดแนวถนนพระรามที่ 5 โดยมีนายณรงค์ฤทธิ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รองเลขาธิการพระราชวังฝ่ายที่ประทับ ออกรับพานพุ่มสักการะในเวลา 08.30 น.

ต่อมาในเวลา 08.39 น.พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ได้เปิดกรวยและกล่าวถวายพระพรชัยมงคลว่า เนื่องในอภิรักขิตสมัยมหามงคล ได้เวียนมาบรรจบในวันที่ 5 ธ.ค. ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมข้าพระพุทธเจ้า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน พร้อมด้วยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาทุกหมู่เหล่าได้มาชุมนุมโดยพร้อมเพรียงกันเพื่อถวายเครื่องราชสักการะและกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลด้วยสำนึกในพรนะมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น นับแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปกเกล้าปกกระหม่อมเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ประชาชาวไทยได้ดำรงตนอยู่ด้วยความร่มเย็นด้วยพระบารมีของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทที่ทรงปกครองประเทศโดยยึดหลักทศพิธราชธรรมมีพระวิริยะอุตสาหะ ประกอบพระราชกรณียกิจส่งผลให้ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าในพื้นที่ทุรกันดารในประเทศและต่างประเทศได้รับพระมหากรุณาคุณและได้นำแนวทางที่พระองค์มีพระราชดำริไปดำเนินชีวิตเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงทำให้พสกนิกรดำรงชีวิตอยู่ด้วยความผาสุก ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจึงเป็นศูนย์รวมคนไทยทุกเชื้อชาติและทุกศาสนา

ในมหามงคลสมัย ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายสัตย์ปฏิญาณจะขอรักษาเอกราช ราชบัลลังก์ด้วยชีวิตจะทำงานด้วยความวิริยะอุตสาหะ ด้วยความรักและสามัคคีเพื่อถนอมพระราชปณิธานอันประเสริฐของพระองค์ที่ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงมีพระประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสมบูรณ์พูนสุขแด่ประชาชนคนไทยทุกคน

ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก องค์พระสยามเทวาธิราช องค์บูรพัฒน์กษัตริยตราธิราชเจ้าทุกพระองค์ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมีพลานามัยแข็งแรง ภัยพิบัตินานัปการมิอาจกล้ำกลาย และขอพระบารมีคุ้มเกล้าปกกระหม่อมแผ่ไพศาลแด่พสกนิกรชาวไทยไปชั่วนิรันดร์

จากนั้นวงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้บัญชาการทหารบกถวายพานพุ่มสักการะ และผู้ว่าฯกทม.ถวายพานพุ่มสักการะ รองเลขาธิการพระราชวังฝ่ายที่ประทับรับพานพุ่มสักการะ และกล่าวตอบแล้วเดินทางกลับ จากนั้นประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างพร้อมใจกันร้องเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงภูมิแผ่นดินนวมินทร์มหาราชาดังก้องถนนพระราม 5 ด้วยความจงรักภักดีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้น พร้อมกับเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” อย่างกึกก้อง



ทุกภาคร่วมถวายพระพร
ทางด้านพสกนิกรในต่างจังหวัดทุกภาคของประเทศไทย รวมทั้งข้าราชการทุกหมู่เหล่าก็ได้มีการจัดกิจกรรมพระราชกุศลเพื่อถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่นกัน อาทิ ที่ จ.เชียงใหม่ นายวิชัย ศรีขวัญ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ นำหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน นักเรียนนักศึกษา และกลุ่มพลังมวลชน นับพันคน พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระภิกษุและสามเณร 999 รูป ณ มณฑลพิธีสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ขณะที่ นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ และชาวบ้านชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้ร่วมกันปล่อยโคมลอยยักษ์สีเหลือง ขนาดความสูงกว่าตึก 4 ชั้น หรือกว่า 13 เมตร ใช้กระดาษว่าวทำกว่า 2,200 แผ่น พร้อมอักษรคำถวายพระพร ทรงพระเจริญ บริเวณข่วงประตูท่าแพ ในตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและเฉลิมฉลองในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ท่ามกลางความสนใจของนักท่องเที่ยว



ผู้หนีภัย ร่วมจุดเทียนชัย
ส่วนที่บริเวณศูนย์ที่พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านปางแทรกเตอร์ ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน กว่าหมื่นคน ได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ และในเวลา 19. 00 น กลุ่มผู้หนีภัยจากการสู้รบได้มีการจุดเทียนชัยถวายพระพรที่บริเวณศูนย์ที่พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบโดยพร้อมเพรียงกันด้วย

ที่ จ.พิษณุโลก นายพิพัฒน์ วงศาโรจน์ ผู้ว่าราชการจ.พิษณุโลก พร้อมด้วยข้าราชการ พ่อค้า และประชาชน ร่วมกันทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุ สามเณร 199 รูป ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก จากนั้นได้ร่วมลงนามถวายพระพรและบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล ณ ศาลาประชาคมพิษณุโลก พร้อมกล่าวสดุดีเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคล พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ ปืนใหญ่ยิงสลุต 21 นัด

โคราช ทำบุญตักบาตร ถวายเป็นพระราชกุศล
ที่ จ.นครราชสีมา พสกนิกรชาวโคราชทุกหมู่เหล่า นำโดย นายสมบูรณ์ งามลักษณ์ ผู้ว่าราชการจ.นครราชสีมา และประชาชนกว่า 1,000 คน ร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ 99 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา จากนั้นผู้ว่าราชการจ.นครราชสีมาได้นำคณะข้าราชการประกอบทำพิธีเฉลิมฉลองวันชาติไทย ร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล และกระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีของแผ่นดิน ที่หอประชุมเปรม ติณสูลานนท์ หลังศาลากลาง จ.นครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา สำหรับช่วงค่ำมีการจัดพิธีถวายเครื่องราชสักการะ พิธีจุดเทียนชัยถวายพระพร และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติที่ลานนวมินทร์ สวนน้ำบุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ด้าน จ.ขอนแก่น ที่ประตูเมืองขอนแก่น ถ.ศรีจันทร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายปานชัย บวรรัตนปราณ ผู้ว่าราชการ จ.ขอนแก่น เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำข้าราชการและประชาชนชาวขอนแก่น สวมเสื้อสีเหลืองทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 179 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคล

สามจังหวัดใต้ พร้อมใจใส่เสื้อเหลือง
ที่ จ.นราธิวาส ประชาชนส่วนใหญ่พร้อมใจกันสวมเสื้อเหลือง โดยในช่วงเช้าได้ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรที่บริเวณสวนกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และได้ร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคลและบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล ส่วนช่วงค่ำได้มีพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลพร้อมกันทั่วประเทศ ด้านพิธีทางศาสนาอิสลามทางคณะกรรมการอิสลาม จ.นราธิวาส ได้เชิญผู้นำศาสนา โต๊ะครู โต๊ะอิหม่าม ในพื้นที่ร่วมละหมาดเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยเช่นกัน

ที่ จ.ยะลา นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการ จ.ยะลา พร้อมด้วยนางนารีรัตน์ มินทราศักดิ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดยะลา และประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา ผู้นำศาสนา โต๊ะอิหม่าม ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา ที่นับถือศาสนาอิสลาม ร่วมสวดดุอาร์ถวายพระพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.ยะลา

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 6 ธันวาคม 2549 03:15 น.



 


 พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา <07/12/49>

“ข้าพเจ้ามีความปีติชื่นชมอย่างยิ่งที่ท่านทั้งหลายมีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด ขอขอบพระทัย และขอบใจในคำอำนวยพรอันเปี่ยมด้วยความมุ่งดี มุ่งเจริญ โดยประการต่างๆ ขอทุกท่านจงได้รับพรและไมตรีจากใจจริงของข้าพเจ้าเช่นเดียวกัน

คนไทยร่วมกันตั้งชาติ ตั้งประเทศจนเป็นปึกแผ่นและเจริญมั่นคง ซึ่งต่อกันมาช้านาน แม้บางสมัยบ้านเมืองจะได้เกิดเหตุคับขัน เดือดร้อน แต่เราก็ร่วมกันปฏิบัติแก้ไขด้วยสติปัญญาอันฉลาด สามารถ ด้วยคุณธรรม ความดี และด้วยความสามัคคีปรองดอง ทำให้เรามีอิสรภาพและความสุข ความเจริญทุกอย่าง อายุยืนมาจนถึงทุกวันนี้ ข้อนี้ควรเป็นสิ่งเตือนใจเราทั้งหลายผู้ร่วมอยู่ในชาติ ในประเทศนี้ให้มีสมานฉันท์ อันมาหาเหตุผลความถูกต้องและความรับผิดชอบต่อส่วนรวมอย่างจริงจัง เพื่อกำจัดอคติและสร้างเสริมความเมตตา สามัคคีในกันและกันจะได้สามารถร่วมกำลังกันสร้างสรรค์ จรรโลงประเทศชาติของเราให้มั่นคงเข้มแข็ง เป็นแผ่นดินที่ทุกคนจะอยู่อาศัย และประกอบสัมมาอาชีพพร้อมกัน ร่วมกัน ด้วยความผาสุกร่มเย็นตลอดไปไม่มีที่สิ้นสุด

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงอภิบาลรักษาท่านทุกคนให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย และบันดาลให้ประสบแต่ความสุข สิริสวัสดิ์ พิพัฒนมงคล จงทุกประการ”


 
     
หน้า:   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104   105   106   107   108   109   110   111   112   113   114   115   116   117   118   119   120   121   122   123   124   125   126   127   128   129   130   131   132   133   134   135   136   137   138   139   140   141   142   143   144   145   146   147   148   149   150   151   152   153   154   155   156   157   158   159   160   161   162   163   164   165   166   167   168   169   170   171   172   173   | 174 |   175   176   177   178   

 

 

 
 
 Copy Right 2006-2024 โดย องค์การบริหารส่วนตําบล ดอยหล่อ - http://www.doilor.org
สำนักปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่
เว็บไซต์ ออกแบบและพัฒนาโดย www.click2solutions.com